18/11/59

เล่นกล้ามท้องยังไงให้ได้ผล เล่นเวท เล่นกล้าม เพาะกาย

เล่นกล้ามท้องยังไงให้ได้ผล เล่นเวท เล่นกล้าม เพาะกาย





กล้ามท้อง ที่เป็นลอนๆหรือที่เรียกว่า ซิคแพค บางคนมีแปดลูก นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ที่เล่นกล้ามหรือผู้ที่ต้องการลดความอ้วนไฝ่ฝันถึงกันทุกคนวิธีเล่นกล้ามท้องก็ไม่ยากอะไรเลย จริงๆแล้วทุกๆคนล้วนมีกล้ามท้องที่เป็นลูกๆมาตั้งแต่เกิด แต่สาเหตุที่มองไม่เห็นเป็นเพราะคุณมีไขมันในส่วนหน้าท้องมากเกินไป หรือ กล้ามท้องยังไม่ใหญ่พอที่จะเห็นได้ชัด ส่วนกล้ามท้องจะมีมัดกล้ามเนื้อชิ้นใหนบ้างเรามาดูกัน

กล้ามท้อง   abdominal   เป็นกล้ามเนื้อที่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคน บางคนมี 6 ลูก บางคน 8 ลูก บางคนเบี้ยว บางคนเรียงกันสวย ก็เแล้วแต่คนครับ แต่ที่แน่ๆคือมันมีมาตั้งแต่เกิด


คำถามในการเล่นกล้ามท้องที่พบได้บ่อยๆ
1. ผมต้องใช้เวลาฝึกกล้ามท้อง นานแค่ใหน หนักแค่ใหน ถึงจะเห็นกล้ามท้องหรือซิคแพคชัดเจน

ตอบ  การที่คุณจะสามาถเห็นกล้ามท้องหรือซิคแพ็คได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่าคุณต้องทำการบริหารกล้ามท้องแบบหนักหน่วง หรือ บริหารมันทุกวัน มันขึ้นอยู่กับว่า คุณผอมแค่ใหน หรือ คุณมีไขมันในร่างกายมากแค่ใหนด้วย

ต่อให้คุณเล่นกล้ามท้องอย่างหนักหน่วง และ เล่นทุกวัน ถ้าคุณมีไขมันในร่างกายมากๆ เกิน 30% กล้ามท้องหรือซิคแพคก็ไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็นหรอกครับ เพราะชั้นใขมันหน้าท้องของคุณมันบังกล้ามท้องหรือซิคแพ็คเอาไว้อยู่ ดูได้จากภาพด้านล่าง ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือการลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกายลง ซึ่งในช่วงลดน้ำหนักนี้จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 3 เดือน




2. ผมได้อ่านเจอบทความเขาบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องเล่นกล้ามท้อง ก็มีซิคแพ็คได้” แบบนี้จริงหรือไม่

ตอบ จริง เพราะท่าบริหารเพาะกายหลายท่าใช้กล้ามท้องในการบริหารด้วย จะเห็นได้ว่าหลายๆท่าใช้การเกร็งหน้าท้อง ไม่ว่าจะเป็น SQUAT หรือ DEADLIFT ไม่เชื่อคุณลองไปผ่าตัดเอาใส้ติ่งออก แล้วลองไปเล่นตามโปรแกรมฝึกเหมือนเดิมดู คุณจะพบว่าคุณแทบบริหารท่าใหนไม่ได้เลย เพราะมันเจ็บท้อง แต่ก็ควรมีท่าบริหารกล้ามท้องแบบเต็มอยู่ในโปรแกรมฝึกบ้างนะครับ

ส่วนจะเห็นซิคแพ็คใหม ก็ตามข้อหนึ่งครับ



3. ผมว่าผมผอมนะ แต่ทำไมเห็นกล้ามท้องหรือซิคแพ็คไม่ชัดเจน

ตอบ เป็นเพราะกล้ามท้องของคุณอาจจะยังมีขนาดไม่ใหญ่พอ หรือ ไขมันในร่างกายของคุณยังเยอะอยู่ ถ้าคุณบอกคุณผอม คุณเคยไปวัดใหมว่าเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายคุณมีเท่าไหร่ และไม่ควรประเมิณความผอมด้วยสายตาครับ ควรไปวัดให้มันชัดเจนดีกว่า



4. อยากมีกล้ามท้องอย่างเดียว กล้ามอื่นๆไม่อยากได้ ทำได้ใหม แล้วทำอย่างไร

ตอบ ทำได้ครับ ก็เล่นแต่กล้ามท้องอย่างเดียว บวกกับคาร์ดิโอลดไขมันไปด้วย ส่วนจะเห็นชัดไม่ชัด ก็ตามข้อข้างบนครับ







วิเคราะห์กล้ามท้อง
กล้ามท้องแบ่งออกเป็นมัดกล้ามเนื้อคร่าวๆดังรูปข้างล่างนี้ Upper Rectus Abdominis คือกล้ามท้องส่วนบน External Obliques คือ กล้ามท้องข้างๆ และ Lower Rectus Abdominis คือกล้ามท้องส่วนล่าง



1. Upper Rectus Abdominis

คือกล้ามท้องส่วนบนหรือ กล้ามซิคแพค  ท่าบริหารในส่วนนี้ได้แก่ท่า

CRUNCH

DECLINE – BENCH CRUNCH

BACK – EXTENSION BENCH CRUNCH

BICYCLE CRUNCH

เป็นต้น


2. External Obliques

คือกล้ามท้องด้านข้าง อยู๋ข้างๆ Rectus Abdominis ท่าบริหารกล้ามเนื้อในส่วนนี้คือ

OBLIQUE CRUNCHES

TWISTING CRUNCH

SIDE BEND

เป็นต้น




3. Lower Rectus Abdominis

คืแกล้ามท้องส่วนล่าง ท่าบริหารกล้ามเนื้อในส่วนนี้คือ

HANGING  KNEE  RAISE

LEG RAISE

FLAT BENCH LEG RAISES

VERTICAL BENCH LEG RAISES

เป็นต้น











ส่วนมัดกล้ามเนื้ออีกชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจในการบริหารเพื่อให้กล้ามท้องดูสวยงาม คือส่วนดังรูปข้างล่าง



ชื่อว่า Serratus เป็นกล้ามเนื้อฟันปลา อยู่ตรงสีข้างเอว จะใช้ท่าบริหารของกล้ามสีข้าง เอว ฝึกในส่วนนี้ก็ได้ครับ ซึ่งถ้ามัดชัดขึ้นมากล้ามท้องคุณจะดูสวยมากจึงไม่ควรละเลยกล้ามเนื้อในส่วนนี้ด้วย ท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนนี้คือ
DUMBBELL PULLOVER
STRAIGHT ARMS PULLDOWN
และท่าบริหารของกล้ามสีข้างต่างที่เน้นสีข้างด้านบน





จะทำรูปทรงร่างกายให้เป็นตัว V ได้อย่างไร

การที่จะทำให้ร่างกายมีรูปทรงเหมือนตัว V นั้น สามารถทำได้โดย “เล่นกล้ามปีกให้กว้างกว่าเอว” และอย่าทำการเล่นกล้ามท้องในส่วนด้านข้างมากเกินไป เพราะจะทำให้เอวใหญ่ขึ้นได้ รูปทรงตัว V ก็จะเป็นได้ยากมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับกล้ามซิคแพคยังเล่นได้เหมือนเดิมเต็มที่




การฝึกบริหารกล้ามท้องเป็นเพียงครึ่งเดียวของการมีซิคแพคเท่านั้น เพื่อให้มีกล้ามท้องที่ใหญ่ขึ้นมาจากเดิม แต่อย่างไรก็ตาม อีกครึ่งหนึ่งคือการลดไขมันให้มี BodyFat น้อยที่สุด กล้ามท้องของคุณก็จะโผล่มาให้เห็นเอง อย่าเล่นกล้ามท้องอย่างเดียวเพื่อลดความอ้วนเด็ดขาด เพราะท่าบริหารกล้ามท้องต่างๆนั้นใช้พลังงานน้อยมากๆ





17/11/59

คาร์ดิโอแบบไหนช่วยลดน้ำหนักได้





คาร์ดิโอแบบไหน ช่วยลดน้ำหนัก
ถ้าจะออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักต้องไม่ลืมคาร์ดิโอเด็ดขาด แล้ว คาร์ดิโอแบบไหน ถึงจะช่วยลดน้ำหนักได้


คาร์ดิโอระดับความเข้มข้นต่ำ (Low Intensity) 

ออกกำลังกายโดยมี Target Heart Rate ไม่เกิน 65 %เป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆ แต่ทำได้นานๆช่วยวอร์มอัพ ก่อนการออกกำลังกายที่หนักขึ้นช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดีไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ปวดเมื่อยแต่ยังไม่ได้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักมากนัก
เหมาะสำหรับ
     ผู้ที่เริ่มต้นในการออกกำลังกาย
     ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ที่ไม่พร้อมจะออกกำลังกายแบบหนักๆ
     ผู้สูงอายุ





คาร์ดิโอระดับความเข้มข้นปานกลาง (Medium Intensity)

ออกกำลังกายโดยมี Target Heart Rate  65 – 75 %
เป็นการออกกำลังกายแบบเหนื่อยกลางๆ   ไม่ง่ายเกินไป และไม่ยากเกินไป หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นจนรู้สึกได้ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เมื่อใช้เวลานานถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถลดน้ำหนักได้ดี
ช่วยสร้างความแข็งแรงให้หัวใจอีกด้วย
ควรใช้เวลา 30 – 60 นาที (ไม่ควรมากกว่า 60 นาที)






คาร์ดิโอระดับความเข้มข้นสูง (High Intensity)

ออกกำลังกายโดยมี Target Heart Rate 75 – 85%
เป็นการออกกำลังกายแบบเหนื่อยมากๆ รู้สึกว่ายากลำบาก หัวใจจะเต้นรัว เร็ว หายใจแทบไม่ทัน
ออกแรงเต็มที่ แต่มีกั๊กไว้บ้าง ทำได้แค่ 10 – 30 นาที ก็ไม่น่าจะไหวแล้ว
จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้มากขึ้น ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น






คาร์ดิโอแบบความเข้มข้นสูงพิเศษ (Extra High Intensity)

มี Target Heart Rate มากกว่า 85%
จะเรียกว่าออกแรงสุดแรงเกิด เฮือกสุดท้ายเลยก็ว่าได้ ทำได้แค่ 5 – 10 นาที ก็ไม่น่าจะไหวแล้ว
ไม่ได้เน้นเรื่องลดน้ำหนัก เพราะทำได้แค่แป๊บเดียว  แต่จะเน้นเรื่องฝึกความทนทาน
ถ้าออกกำลังกายแต่เหนื่อยง่าย ก็ทำได้แป๊บเดียว ก็ลดน้ำหนักไม่ได้ จึงต้องฝึกความทนทานไว้บ้าง
จะช่วยฝึกปอดให้เก็บออกซิเจนได้มากขึ้น เพิ่มค่า VO2Max ซึ่งเหมือนกับการขยายปอดให้หายใจครั้งเดียว แต่ออกกำลังกายได้นานขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย
ถ้ายังนึกไม่ออก ให้นึกถึงนักกีฬา ทำไมเขาถึงออกกำลังกายได้นานสองนาน ทั้งๆที่ถ้าเป็นเราคงจอดไปนานแล้ว  ก็เพราะเขามี VO2Max สูงนั่นเอง










คาร์ดิโอยังไงให้เหมาะกับตัวเอง

มือใหม่
1เดือนแรก Low Intensity ไปก่อนสัปดาห์ละ 3-5 วัน
เดือนถัดๆไป ค่อยๆเพิ่ม Medium Intensity โดยแบ่งเป็น
Low  10 นาที
Medium  20-30 นาที
Low 10 นาที
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าที่ทำอยู่มันง่ายแล้ว ก็เพิ่ม High Intensity โดยแบ่งเป็น
Low  5 นาที
Medium  30 นาที
High 5-10 นาที
Low 5 นาที
หรือ
Low  5 นาที
Medium  10 นาที
High 5 นาที
Medium  10 นาที
High 5 นาที
Medium  10 นาที
Low 5 นาที

มือเก่า
มือเก่าแล้วคงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก แค่จำไว้อย่างเดียวคือ ต้องพัฒนาฝีมือ เพิ่มเวลา เพิ่มความยาก อะไรที่เรารู้สึกว่ามันง่ายแล้วก็เปลี่ยนเป็นวิธีที่ยากขึ้น
ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นมือเก่าหรือมือใหม่ ความสม่ำเสมอในการออกกำลังกายนั้น สำคัญกว่าระดับของความเข้มข้นในการออกกำลังกาย
เช่น คนที่ออกกำลังกายนานๆครั้ง แต่ออกแต่ละครั้งหนักๆ เข้มข้นสูงๆ  ยังสู้คนที่ออกกำลังกายกลางๆแต่สม่ำเสมอไม่ได้

ที่กล่าวมานั้นจะเหมาะสำหรับคนอ้วนที่อยากลดน้ำหนัก ไม่เหมาะกับคนเล่นเวทมากนัก
การคาดิโอสำหรับคนเล่นเวทมากที่สุด
คือการเดิน หรือเดินเร็ว วิ่งจ๊อกกิ้ง 45-60 นาที สำหรับคนมีเวลา
แต่ถ้าจำกัดในเรื่องของเวลาก็จัดแบบ High Intensity 15-20 นาทีพอ
ทำไมการเดินถึงเหมาะละ เพราะว่าร่างกายคนเรายกเหล็กหนักๆ เป็นเวลานานกว่า 2 ชม.
จะให้วิ่งเร็วๆ ร่างกายก็ไม่ไหวครับ ฉะนั้นเดินเหมาะมากกว่า